แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย
ผู้เข้าชมรวม
229
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย
ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร ความทุกข์ทั้งหลายถึงได้มารวมอยู่ในหัวใจของฉัน ไม่มีทางออก ไม่มีทางแก้ไข ไม่มีแม้แต่เงาของคนใดคนหนึ่ง ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน ไม่มีคำตอบจากสรรพสิ่งใดๆบนโลกใบนี้ มีแต่ความเงียบสงัดที่ค่อยๆแผ่เข้ามาปกคลุม ความเงียบเหงาที่ทำให้หัวใจของฉันกลับอ่อนแอลง บ้านหลังหนึ่งที่เคยมีครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา บัดนี้กลับกลายเป็นบ้านแห่งความเงียบเหงาที่มีเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆอาศัยอยู่ แม่ของฉันออกไปทำงานเพื่อหาเงินมารักษาพ่อ โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกำลังป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล แสงไฟจากเทียนไขกระพริบสั่นไหวเพราะถูกแรงลมถาโถมเข้าใส่ เส้นผมของฉันปลิวไสวทำให้รู้สาเหตุที่เปลวไฟไม่คงเส้นคงวา ฉันเดินไปที่ประตูเพื่อปิดมันลง ท้องฟ้ามืดครึ้ม เหมือนใครบรรจงทาสีดำเอาไว้ เป็นสัญญาณแห่งฝนและพายุหนัก ไม่เห็นดวงจันทราที่คอยอยู่เป็นเพื่อนทุกค่ำคืน ไม่เห็นดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับเหมือนเคย ฉันหยิบเงินจากกระเป๋าเสื้อ และกำมันไว้แน่นก่อนจะก้มหน้าลงเพราะรู้ว่าวันนี้คงหามันเพื่อไปรักษาพ่อไม่ได้แล้ว ถ้าแม่กลับมา ก็คงจะดีสินะ ประตูถูกปิดลงท่ามกลางความเงียบเหงาอ้างว้างและ ความรู้สึกหลายๆอย่างของฉัน สายฝนเริ่มตกหนักขึ้นโหมกระหน่ำซัดสาดถูกหน้าต่างบานเล็กๆค่อนจะพังลงไม่มีวี่แววว่าจะหยุด เสียงท้องของฉันร้องแทรกเสียงฝน ฉันประคองเทียนเดินผ่านประตูไปสู่ห้องครัวหาสิ่งของบางอย่างเพื่อประทังความหิว ตู้เย็นใบนั้นคือจุดมุ่งหมายของฉัน ฉันรีบวางเทียนลงลนลานไปเปิดฝาตู้ สายตาของฉันกวาดมองไปทั่วตู้ใบนั้นแต่กลับไม่เห็นสิ่งใดเลย ฉันปิดฝาตู้และทรุดตัวลงหันหลังพิงฝาตู้เย็นบานนั้นรอคอยเวลาที่ค่ำคืนอันโหดร้ายจะผ่านพ้นไป ไม่มีความร้อนจากตู้เย็นแผ่มาถึงร่างกายของฉันเพราะไฟฟ้าพึ่งถูกตัดไป ฉันหลับตาลงเพื่อลบเลือนความเลวร้ายที่เกิดขึ้น น้ำตาหยดเล็กๆที่เกิดเมื่อเปลือกตาปิดลงไหลผ่านแก้มร่วงลงบนเข่าของฉัน ความเย็นยะเยือกผ่านทุกอณูขุมขน ฉันลืมตาขึ้นเบาๆ พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปหยิบเทียนไขเล่มสุดท้าย เมื่อรู้สึกว่าแสงไฟจากเทียนไขเล่มเก่าริบหรี่ลงใกล้จะดับเต็มที ปลายนิ้วของฉันสั่นไหวน้อยๆเมื่อแตะเล่มเทียนไข ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าแรงของฉันใกล้จะหมดลง ฉันขยับตัวไปที่ตู้ลิ้นชักเก่า พยายามดึงลิ้นชักออกเพื่อหยิบกล่องไม้ขีดไฟ มือของฉันสัมผัสลงบนบางสิ่งบางอย่างข้างๆกล่องไม้ขีดไฟ แสงไฟริบหรี่ทำให้ฉันไม่สามารถรู้ได้ชัดว่าสิ่งนั้นคืออะไร ฉันหยิบสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาวางใกล้ๆเทียนไขเล่มเก่าเพื่ออาศัยแสงน้อยๆเป็นที่พึ่งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆอีกครั้ง แสงไฟจากเทียนไขทำให้ฉันเห็นสิ่งนั้นเป็นกล่องสีดำขนาดเล็ก ฉันไม่รีรอ พยายามเอื้อมมือไปเปิดกล่องสีดำนั้นด้วยอาการสั่นเทา กรอบรูปเก่าๆกระทบเข้ากับสายตาของฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาจากกล่อง พลันหยดน้ำใสก็ไหลร่วงลงเปื้อนกรอบรูปใบนั้น เพราะภาพที่เห็นคือภาพครอบครัวที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุข ความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมาในสมองของฉัน ฉันแนบกรอบรูปไว้กับอกและรีบวิ่งออกไปหลังบ้านเพื่อตะโกนหาแม่โดยไม่เกรงกลัวสายฝนที่ตกกระหน่ำ เศษแก้วเล็กๆทิ่มแทงโดนเท้าของฉันอย่างไม่ทันระวัง ฉันไม่สนใจและก้าวเท้าออกไปจากตัวบ้าน ตัวของฉันเปียกโชก แต่ฉันก็ยังตะโกนต่อไปหวังว่าแม่จะกลับมา เสียงของฉันเหือดแห้งเข้าไปในลำคอเพราะปราศจากน้ำ ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อดื่มน้ำจากท้องฟ้าอันมืดมนประทังชีวิตและบรรจงตะโกนต่อไป มีเพียงเสียงจากธรรมชาติที่คอยโต้ตอบกับฉัน ฉันเดินกลับเข้าบ้านปิดประตูลงอย่างหมดหวัง เลือดสีแดงและน้ำใสไหลจากตัวฉันเป็นทางแต่งแต้มพื้นบ้าน แสงไฟอันริบหรี่ทำให้มองเห็นภาพใบหน้าของพ่อและแม่ได้อย่างเลือนลาง หยาดน้ำตาแปดเปื้อนใบหน้าของท่านทั้งสอง ฉันพยายามยิ้ม ยิ้มให้กับกรอบรูปใบนั้น ให้พ่อกับแม่รู้ว่าลูกคนนี้จะเข้มแข็งจนวินาทีสุดท้ายแม้ว่าในใจของฉันจะทุกข์ระทมเพียงใดก็ตาม ฉันยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่ภาพต่างๆจะค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับแสงเทียน ฉันลืมตาขึ้นกลางดึกคืนนั้นเพราะได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน และภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือภาพผู้ชายที่เรียกว่าพ่อ น้ำตาของฉันไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่ ฉันมองท่านด้วยความรู้สึกคณานับและเอ่ยปากเบาๆอย่างดีใจที่สุดว่าพ่อหายแล้ว พ่อก้มหน้าลงและกระซิบอย่างแหบพร่าว่าลูกต้องเข้มแข็งนะ ฉันยิ้มให้พ่อเป็นสัญญาณตอบรับแม้ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง พลันสายตาของฉันก็มองเห็นเลือดสีแดงที่ค่อยๆไหลออกจากปากของท่าน ฉันมองพ่ออย่างตกใจ ใบหน้าของพ่อซีดขาวอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันพยายามพยุงตัวท่านให้ลุกขึ้นเพื่อไปโรงพยาบาล เมื่อรู้ว่าพ่อยังไม่หายอย่างที่เข้าใจในตอนแรก พ่อกระอักเลือดอีกครั้งและส่ายหน้าเบาๆ ร่างของพ่อค่อยๆทรุดลงแต่ท่านก็ยังกอดฉันไว้แน่น พ่อนอนลงบนตักของฉันและใช้นิ้วเขียนลงบนพื้นกระเบื้องเก่าๆด้วยอาการที่ใกล้จะหมดแรง แม้ว่าจะไม่มีตัวอักษรปรากฏขึ้น แต่ฉันสามารถรับรู้ได้ว่าพ่อกำลังเขียนคำว่า “รัก” น้ำตาของฉันไหลลงอีกระลอก ฉันปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้หยดลงบนใบหน้าของพ่อและตอบท่านไปว่าฉันก็รักพ่อเหมือนกัน พ่อยิ้มให้ฉันก่อนจะหลับตาลง ฉันเรียกพ่อเบาๆและเขย่าตัวท่านก่อนจะร้องไห้อย่างหนักเมื่อรู้ว่าพ่อจากฉันไปแล้ว ฉันก้มลงกอดพ่อเป็นครั้งสุดท้ายและประคองร่างที่ไร้ลมหายใจออกจากบ้าน พยายามตั้งสติและตะโกนให้คนช่วย ฝนหยุดตกแล้ว มีเพียงความหนาวเย็นและเสียงร้องไห้ของฉัน ฉันประคองร่างของพ่อเดินไปตามทางอย่างทุลักทุเล พลันสายตาของฉันก็พบกับแสงสว่างที่คาดว่าเป็นแสงจากรถยนต์ ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ เธอรีบประคองร่างของพ่อขึ้นรถยนต์คันเก่านั่นด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นและความมืดทำให้ฉันมองไม่ชัดว่าเธอคือใครแต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอคือคนที่คุ้นเคย เธอบีบมือฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ ตัวของเธอสั่นเทิ้มทำให้ฉันรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ เธอพาฉันขึ้นรถ แสงไฟในรถของเธอทำให้ความรู้สึกของฉันรับรู้ได้ว่าเธอคือแม่ รถแล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล ซึ่งฉันก็รับรู้ดีว่ามันสายเกินไปสำหรับการที่ฉันกับแม่จะมาเยือนที่นี่ ทุกอย่างมันไม่สามารถแก้ไขได้ ฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นความหวังให้กับพ่อที่จากไป ค่ำคืนนี้สอนให้ฉันเติบโตขึ้น ทำให้ฉันคิดได้ว่า ถึงแม้วันนี้ฉันอาจจะไม่มีครอบครัวที่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน แต่ฉันก็ต้องก้าวหน้าต่อไป ถ้าพ่อรับรู้ได้ฉันขอสัญญาว่าลูกคนนี้จะเป็นคนดี และจะเป็นแสงสว่างจุดประกายบ้านหลังนี้ให้มีความสุขตลอดไป
ผลงานอื่นๆ ของ แพลททีนัม ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แพลททีนัม
ความคิดเห็น