แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย - แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย นิยาย แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย : Dek-D.com - Writer

    แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย

    ผู้เข้าชมรวม

    229

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    229

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 เม.ย. 51 / 23:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เข้ามาอ่านกันนะคร้าบ

    เข้ามาแล้วก็เม้นกันด้วยนะ


    แวะมาทักทายกันได้นะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      แสงสว่างจากบ้านหลังน้อย

               ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไร  ความทุกข์ทั้งหลายถึงได้มารวมอยู่ในหัวใจของฉัน  ไม่มีทางออก  ไม่มีทางแก้ไข  ไม่มีแม้แต่เงาของคนใดคนหนึ่ง  ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน  ไม่มีคำตอบจากสรรพสิ่งใดๆบนโลกใบนี้  มีแต่ความเงียบสงัดที่ค่อยๆแผ่เข้ามาปกคลุม  ความเงียบเหงาที่ทำให้หัวใจของฉันกลับอ่อนแอลง  บ้านหลังหนึ่งที่เคยมีครอบครัวอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา  บัดนี้กลับกลายเป็นบ้านแห่งความเงียบเหงาที่มีเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆอาศัยอยู่  แม่ของฉันออกไปทำงานเพื่อหาเงินมารักษาพ่อ  โดยที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อกำลังป่วยหนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาล  แสงไฟจากเทียนไขกระพริบสั่นไหวเพราะถูกแรงลมถาโถมเข้าใส่  เส้นผมของฉันปลิวไสวทำให้รู้สาเหตุที่เปลวไฟไม่คงเส้นคงวา  ฉันเดินไปที่ประตูเพื่อปิดมันลง  ท้องฟ้ามืดครึ้ม  เหมือนใครบรรจงทาสีดำเอาไว้  เป็นสัญญาณแห่งฝนและพายุหนัก  ไม่เห็นดวงจันทราที่คอยอยู่เป็นเพื่อนทุกค่ำคืน  ไม่เห็นดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับเหมือนเคย   ฉันหยิบเงินจากกระเป๋าเสื้อ  และกำมันไว้แน่นก่อนจะก้มหน้าลงเพราะรู้ว่าวันนี้คงหามันเพื่อไปรักษาพ่อไม่ได้แล้ว  ถ้าแม่กลับมา  ก็คงจะดีสินะ ประตูถูกปิดลงท่ามกลางความเงียบเหงาอ้างว้างและ ความรู้สึกหลายๆอย่างของฉัน   สายฝนเริ่มตกหนักขึ้นโหมกระหน่ำซัดสาดถูกหน้าต่างบานเล็กๆค่อนจะพังลงไม่มีวี่แววว่าจะหยุด  เสียงท้องของฉันร้องแทรกเสียงฝน  ฉันประคองเทียนเดินผ่านประตูไปสู่ห้องครัวหาสิ่งของบางอย่างเพื่อประทังความหิว  ตู้เย็นใบนั้นคือจุดมุ่งหมายของฉัน  ฉันรีบวางเทียนลงลนลานไปเปิดฝาตู้  สายตาของฉันกวาดมองไปทั่วตู้ใบนั้นแต่กลับไม่เห็นสิ่งใดเลย  ฉันปิดฝาตู้และทรุดตัวลงหันหลังพิงฝาตู้เย็นบานนั้นรอคอยเวลาที่ค่ำคืนอันโหดร้ายจะผ่านพ้นไป  ไม่มีความร้อนจากตู้เย็นแผ่มาถึงร่างกายของฉันเพราะไฟฟ้าพึ่งถูกตัดไป ฉันหลับตาลงเพื่อลบเลือนความเลวร้ายที่เกิดขึ้น  น้ำตาหยดเล็กๆที่เกิดเมื่อเปลือกตาปิดลงไหลผ่านแก้มร่วงลงบนเข่าของฉัน  ความเย็นยะเยือกผ่านทุกอณูขุมขน  ฉันลืมตาขึ้นเบาๆ  พยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปหยิบเทียนไขเล่มสุดท้าย  เมื่อรู้สึกว่าแสงไฟจากเทียนไขเล่มเก่าริบหรี่ลงใกล้จะดับเต็มที  ปลายนิ้วของฉันสั่นไหวน้อยๆเมื่อแตะเล่มเทียนไข  ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าแรงของฉันใกล้จะหมดลง  ฉันขยับตัวไปที่ตู้ลิ้นชักเก่า  พยายามดึงลิ้นชักออกเพื่อหยิบกล่องไม้ขีดไฟ  มือของฉันสัมผัสลงบนบางสิ่งบางอย่างข้างๆกล่องไม้ขีดไฟ  แสงไฟริบหรี่ทำให้ฉันไม่สามารถรู้ได้ชัดว่าสิ่งนั้นคืออะไร  ฉันหยิบสิ่งของชิ้นนั้นขึ้นมาวางใกล้ๆเทียนไขเล่มเก่าเพื่ออาศัยแสงน้อยๆเป็นที่พึ่งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆอีกครั้ง  แสงไฟจากเทียนไขทำให้ฉันเห็นสิ่งนั้นเป็นกล่องสีดำขนาดเล็ก  ฉันไม่รีรอ  พยายามเอื้อมมือไปเปิดกล่องสีดำนั้นด้วยอาการสั่นเทา  กรอบรูปเก่าๆกระทบเข้ากับสายตาของฉัน  ฉันหยิบมันขึ้นมาจากกล่อง  พลันหยดน้ำใสก็ไหลร่วงลงเปื้อนกรอบรูปใบนั้น  เพราะภาพที่เห็นคือภาพครอบครัวที่เคยอยู่กันอย่างมีความสุข  ความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมาในสมองของฉัน  ฉันแนบกรอบรูปไว้กับอกและรีบวิ่งออกไปหลังบ้านเพื่อตะโกนหาแม่โดยไม่เกรงกลัวสายฝนที่ตกกระหน่ำ  เศษแก้วเล็กๆทิ่มแทงโดนเท้าของฉันอย่างไม่ทันระวัง  ฉันไม่สนใจและก้าวเท้าออกไปจากตัวบ้าน  ตัวของฉันเปียกโชก  แต่ฉันก็ยังตะโกนต่อไปหวังว่าแม่จะกลับมา  เสียงของฉันเหือดแห้งเข้าไปในลำคอเพราะปราศจากน้ำ  ฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อดื่มน้ำจากท้องฟ้าอันมืดมนประทังชีวิตและบรรจงตะโกนต่อไป  มีเพียงเสียงจากธรรมชาติที่คอยโต้ตอบกับฉัน  ฉันเดินกลับเข้าบ้านปิดประตูลงอย่างหมดหวัง  เลือดสีแดงและน้ำใสไหลจากตัวฉันเป็นทางแต่งแต้มพื้นบ้าน  แสงไฟอันริบหรี่ทำให้มองเห็นภาพใบหน้าของพ่อและแม่ได้อย่างเลือนลาง หยาดน้ำตาแปดเปื้อนใบหน้าของท่านทั้งสอง  ฉันพยายามยิ้ม  ยิ้มให้กับกรอบรูปใบนั้น  ให้พ่อกับแม่รู้ว่าลูกคนนี้จะเข้มแข็งจนวินาทีสุดท้ายแม้ว่าในใจของฉันจะทุกข์ระทมเพียงใดก็ตาม  ฉันยิ้มทั้งน้ำตา  ก่อนที่ภาพต่างๆจะค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับแสงเทียน  ฉันลืมตาขึ้นกลางดึกคืนนั้นเพราะได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง  ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน  และภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือภาพผู้ชายที่เรียกว่าพ่อ  น้ำตาของฉันไหลลงอย่างกลั้นไม่อยู่  ฉันมองท่านด้วยความรู้สึกคณานับและเอ่ยปากเบาๆอย่างดีใจที่สุดว่าพ่อหายแล้ว  พ่อก้มหน้าลงและกระซิบอย่างแหบพร่าว่าลูกต้องเข้มแข็งนะ  ฉันยิ้มให้พ่อเป็นสัญญาณตอบรับแม้ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดก่อนที่จะลุกขึ้นนั่ง  พลันสายตาของฉันก็มองเห็นเลือดสีแดงที่ค่อยๆไหลออกจากปากของท่าน  ฉันมองพ่ออย่างตกใจ  ใบหน้าของพ่อซีดขาวอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน  ฉันพยายามพยุงตัวท่านให้ลุกขึ้นเพื่อไปโรงพยาบาล เมื่อรู้ว่าพ่อยังไม่หายอย่างที่เข้าใจในตอนแรก  พ่อกระอักเลือดอีกครั้งและส่ายหน้าเบาๆ  ร่างของพ่อค่อยๆทรุดลงแต่ท่านก็ยังกอดฉันไว้แน่น  พ่อนอนลงบนตักของฉันและใช้นิ้วเขียนลงบนพื้นกระเบื้องเก่าๆด้วยอาการที่ใกล้จะหมดแรง  แม้ว่าจะไม่มีตัวอักษรปรากฏขึ้น  แต่ฉันสามารถรับรู้ได้ว่าพ่อกำลังเขียนคำว่า รัก  น้ำตาของฉันไหลลงอีกระลอก  ฉันปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้หยดลงบนใบหน้าของพ่อและตอบท่านไปว่าฉันก็รักพ่อเหมือนกัน  พ่อยิ้มให้ฉันก่อนจะหลับตาลง  ฉันเรียกพ่อเบาๆและเขย่าตัวท่านก่อนจะร้องไห้อย่างหนักเมื่อรู้ว่าพ่อจากฉันไปแล้ว  ฉันก้มลงกอดพ่อเป็นครั้งสุดท้ายและประคองร่างที่ไร้ลมหายใจออกจากบ้าน พยายามตั้งสติและตะโกนให้คนช่วย  ฝนหยุดตกแล้ว  มีเพียงความหนาวเย็นและเสียงร้องไห้ของฉัน  ฉันประคองร่างของพ่อเดินไปตามทางอย่างทุลักทุเล  พลันสายตาของฉันก็พบกับแสงสว่างที่คาดว่าเป็นแสงจากรถยนต์  ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ  เธอรีบประคองร่างของพ่อขึ้นรถยนต์คันเก่านั่นด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นและความมืดทำให้ฉันมองไม่ชัดว่าเธอคือใครแต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอคือคนที่คุ้นเคย  เธอบีบมือฉันเบาๆอย่างให้กำลังใจ  ตัวของเธอสั่นเทิ้มทำให้ฉันรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้  เธอพาฉันขึ้นรถ  แสงไฟในรถของเธอทำให้ความรู้สึกของฉันรับรู้ได้ว่าเธอคือแม่  รถแล่นไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งถึงโรงพยาบาล  ซึ่งฉันก็รับรู้ดีว่ามันสายเกินไปสำหรับการที่ฉันกับแม่จะมาเยือนที่นี่   ทุกอย่างมันไม่สามารถแก้ไขได้  ฉันต้องมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นความหวังให้กับพ่อที่จากไป ค่ำคืนนี้สอนให้ฉันเติบโตขึ้น  ทำให้ฉันคิดได้ว่า  ถึงแม้วันนี้ฉันอาจจะไม่มีครอบครัวที่มีความสุขเหมือนเมื่อก่อน  แต่ฉันก็ต้องก้าวหน้าต่อไป  ถ้าพ่อรับรู้ได้ฉันขอสัญญาว่าลูกคนนี้จะเป็นคนดี  และจะเป็นแสงสว่างจุดประกายบ้านหลังนี้ให้มีความสุขตลอดไป

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×